SOIL TEST
การทดสอบ Atterberg’s Limits |
จากสภาพทั่วไปของดิน ถ้าพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ (Phase Relation) ของ |
ดินที่ประกอบไปด้วยเม็ดดินและน้ำ ถ้าดินมีน้ำผสมอยู่มาก สภาพของดินจะอยู่สภาพเป็นของเหลว (Liquid State) และมีปริมาตรอยู่ในระดับหนึ่ง เมื่อความชื้นหรือน้ำในมวลดินลดลงจนสถานะของดินเปลี่ยนเป็นพลาสติก(Plastic State)ปริมาตรของดินก็จะลดลงมาในระดับหนึ่ง และเมื่อความชื้นหรือน้ำในมวลดินลดลงอีก จนสถานภาพของดินเปลี่ยนสภาพเป็นกึ่งของแข็ง (Semi-solid State) ซึ่งปริมารตของดินก็จะลดลงอีกระดับหนึ่ง และเมื่อความชื้นในมวลดินลดลงอีก สภาพของดินก็จะเปลี่ยนเป็นสภาพของแข็ง ( Solid State) ซึ่งปริมาตรของดินเมื่อลดลงมาถึงระดับนี้แล้ว หากมีการสูญเสียความชื้นหรือน้ำในมวลดินต่อไปอีก ปริมาตรของดินก็จะอยู่คงที่ ดังนั้นปริมาณความชื้นจึงเป็นตัวกำหนดสถานภาพของมวลดิน โดยแสดงในรูปของค่าพิกัด ต่างๆ ดังนี้ |
Liquid Limit ( L.L.) ทำโดยใช้เครื่องมือของ Casagrande ที่เรียกว่า Liquid Limit- |
Aparatus โดยนำดินเปียกมาใส่ในถ้วยทองเหลือง ปาดผิวหน้าให้เรียบ แล้วแบ่งดินเป็น 2 ส่วนด้วย Grooving tool หมุนให้ถ้วยยกกระแทกกับฐานเครื่องมือ ด้วยความเร็ว 2 ครั้งต่อวินาที ระยะที่ตกกระแทกเท่ากับ 10 มม. จนกระทั่งดินที่แบ่งไว้ 2 ส่วนเคลื่อนเข้ามาติดกันประมาณ 1 ซม.บันทึกจำนวนครั้งที่ตกกระแทกและนำดินนั้นไปหา ปริมาณความชื้น ทำซ้ำเช่นนี้ 4-5 ครั้ง โดยให้ดินมีปริมาณความชื้นต่างๆกัน แล้วนำผลไปเขียนเส้นความสัมพันธ์ ระหว่างจำนวนครั้ง กับความชื้นในกราฟ semi-log จะได้ความสัมพันธ์เป็นเส้นตรง ซึ่งปริมาณความชื้นที่ 25 ครั้ง Liquid Limit ของดิน ซึ่ง A.cassagrande ได้ให้ความเห็นว่าเท่ากับความชื้น ณ จุดที่กำลังของดินเท่ากับ 25 กรัมต่อ ตารางเซนติเมตร โดยเปรียบเทียบไว้ว่าการเคาะแต่ละครั้งเท่ากับหน่วยแรงเฉือนที่กระทำต่อมวลดิน มีค่าประมาณ 1 กรัมต่อตารางเซนติเมตร |
Plastic Limit (P.L.) การหา Plastic Limit (P.L.) ทำโดยนำดินชื้นมาคลึงด้วยฝ่ามือบนแผ่น |
กระจก จนเป็นเส้นด้ายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.2 มม.(1/8 นิ้ว) แล้วเริ่มเกิดรอยร้าว ปริมาณความชื้นที่จุดนั้น คือ Plastic Limit ของดิน |
ที่มา:http://opens.dpt.go.th/ |